Selection:Lựa chọn Tự nhiên
Tận hưởng thiên nhiên và các hoạt động thú vị của vùng Chubu! Trải nghiệm đặc biệt chỉ có tại đây

ญี่ปุ่นมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีทัศนียภาพที่งดงามของทั้ง 4 ฤดูกาล หากต้องการชื่นชมทัศนียภาพที่รู้สึกคุ้นเคยของญี่ปุ่น แนะนำให้มาที่เที่ยวที่ภูมิภาคชูบุซึ่งมีทิวทัศน์ของญี่ปุ่นดั่งเดิมอยู่
ในบทความนี้ เราจะแนะนำตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยว 3 คืน 4 วัน ซึ่งสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติและกิจกรรมของจังหวัดกิฟุและไอจิได้อย่างเต็มที่ เราจะแนะนำเสน่ห์ของแต่ละสถานที่ที่นักเขียนชาวต่างชาติได้ไปเยี่ยมชมและสัมผัสจริงครับ! เนื่องจากแต่ละสถานที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไป นำไปใช้อ้างอิงสำหรับการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นในอนาคตของคุณด้วยครับ!

    วันที่ 1
  • เกาะซาคุชิมะ

    คุณคิดว่าที่ไหนในจังหวัดไอจิเหมาะกับการถ่ายรูปลง Instagram อยู่ที่ไหนเอ่ย?
    หากคุณต้องการถ่ายรูปเพื่อโพสต์บน SNS แล้วต้องไม่พลาดเกาะซาคุชิมะในอำเภอนิชิโอะครับ!
    สามารถเดินทางไปยังเกาะซาคุชิมะได้ในเวลาประมาณ 20 นาที โดยนั่งรถไฟจากสถานีนาโกย่าไปยังสถานีนิชิโอะ และเปลี่ยนเป็นรถบัส หลังจากนั้นให้นั่งเรือข้ามฟากที่ท่าเรืออิชิกิครับะ เกาะซาคุชิมะขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะแห่งการเยียวยาและศิลปะ นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว แต่ยังเต็มไปด้วยผลงานของศิลปินมากมายที่รอนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม

    และผลงานที่มีชื่อเสียงอย่างมากคือ "โอฮิรุเนะเฮ้าส์ (บ้านนอนกลางวัน)" ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งครับ
    รู้สึกผ่อนคลายไปกับการชมพระอาทิตย์ตกดินจากโอฮิรุเนะเฮ้าส์ ขณะนั่งรับลมและฟังเสียงคลื่นที่ซัดเข้ามา นอกจากนี้ยังมี "ที่จอดรถนกนางนวล" ซึ่งเป็นผลงานแสดงถึงรูปร่างของลมที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ด้วยนกนางนวล ผลงานนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างมากใน SNS ครับ!
    เกาะซาคุชิมะเป็นเกาะที่อยู่ห่างไกลซึ่งมีประชากรเพียง 252 คน และชาวเกาะมีความพอเพียงและใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ถึงแม้เราอยู่ที่เกาะนี้เพียงครึ่งวัน แต่ก็รู้สึกอิจฉาชาวเกาะที่ใช้ชีวิตสบายๆ มากเลยครับ! ต้องวางแผนและระวังเวลาของเที่ยวเรือให้ดีๆ ถ้าหากต้องการไปเที่ยวบนเกาะเพียงครึ่งวันนะครับ หากไม่ดูให้ดีๆ แล้วละก็ ทริปครึ่งวันอาจจะกลายเป็น 2 คืน 1 วันไปครับ

  • สวนส้มกามะโกริ

    ส้มกามะโกริเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของอำเภอกามะโกริ จังหวัดไอจิ ดังนั้นเราจะพลาดไม่ได้ที่จะแวะสนุกสนานไปกับการเก็บผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่นี่ครับ
    "สวนส้มกามะโกริ" เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเก็บผลไม้ได้ตลอดทั้งปี สามารถเก็บเกี่ยวส้มกามะโกริได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงธันวาคม เก็บสตรอเบอรี่ได้ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม และเก็บเกี่ยวเมล่อนได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนกันยายนค่ะ นอกจากนี้ยังมีองุ่นให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนจนถึงกลางเดือนกันยายนด้วยครับ
    โดยสามารถทานผลไม้ที่เก็บเกี่ยวได้ทันที และทิ้งเปลือกส้มไว้ใต้ต้นส้ม ซึ่งจะกลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติครับ ใช้เปลือกให้เป็นประโยชน์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครับ! นอกจากจะทานที่ร้านแล้ว ยังสามารถนำส้มประมาณ 1 กก. กลับบ้านเป็นของฝากได้อีกด้วย ตอนเก็บส้มนั้นให้จับส้มเบาๆ และค่อยๆ หมุนดึงออกไปครับ อย่าดึงลงมาแรงเกินไปนะครับ!

  • ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ

    หลังจากนั้นเราก็ไปเยือน "ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ" ในอำเภอโทโยคาวะ จังหวัดไอจิ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในสามศาลเจ้าอินาริที่สำคัญในญี่ปุ่น และมีผู้มาสักการะกว่า 5 ล้านคนในแต่ละปี มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมายภายในบริเวณศาลเจ้า โดยเฉพาะเรโคะซึกะซึ่งมีรูปปั้นจิ้งจอกมากกว่า 1,000 ตัวเรียงรายอยู่นั้นสวยงามมากเลยครับ เนื่องจากที่ญี่ปุ่นสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์มงคล อาจจะได้รับพลังมากมายหากแวะไปเยี่ยมเยือนนะครับ

    เส้นทางไปสู่ "เรโคะซึกะ" เต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่มีความลึกลับที่รออยู่ตรงหน้า! หลังจากที่ถูกเชื้อเชิญด้วยบรรยากาศความศักดิ์สิทธิแล้ว เราก็เขียนคำอธิษฐานเพื่อสุขภาพบนแผ่นไม้ขอพรเอมะครับ ขอให้คําอธิษฐานเป็นจริงกันครับ!

  • เขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารโบราณ อาสึเกะ

    ถ้าเกิดชอบถนนสายเก่าของญี่ปุ่นแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะไปเดินเล่นในเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารโบราณ อาสึเกะครับ
    เสน่ห์ของเมืองอาสึเกะในอำเภอโตโยต้านั้น คือทิวทัศน์ของเมืองที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยของยุคเอโดะตอนต้นอยู่

    ในขณะที่เดินเล่นไปตามถนนต่างๆ ของเมืองอาสึเกะซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารโบราณที่สำคัญ จะรู้สึกราวกับว่าบรรยากาศโดยรอบย้อนเวลากลับไปในอดีตเลยครับ นอกจากนี้ หากได้สวมชุดกิโมโนและรับประทานโกะเฮโมจิ (อาหารพื้นบ้านที่นำข้าวที่ไปบดเป็นโมจิมาเสียบไม้ และย่างด้วยซอสมิโซะ) ขณะเดินเล่นด้วยแล้ว จะรู้สึกเหมือนอยู่ในละครย้อนยุคเลยครับ!
    ตรอกของเมืองอาสึเกะนั้นมีบรรยากาศของญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยเฉพาะ "ซอยมันริน" ในฝั่ง "ร้านหนังสือมันริน" มีความสวยงามเป็นพิเศษเลยครับ!
    และเมื่อพูดถึงเมืองอาสึเกะแล้ว ก็ต้องนึกถึง "โครังเค" ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแน่นอนครับ สามารถเพลิดเพลินทิวทัศน์ของ 4 ฤดูได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเมื่อใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง นักท่องเที่ยวมากมายหลงไหลในทิวทัศน์ที่ดูเหมือนดั่งภาพวาดนี้ครับ

    วันที่ 2
  • โอบาระชิกิซากุระ

    พูดถึงกิจกรรมในญี่ปุ่นที่สามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันตระการตาของทั้ง 4 ฤดูกาลแล้ว ก็ต้องนึกถึงการชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิและการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงครับ โดยในอำเภอโตโยต้ามีสถานที่ที่เราสามารถเพลิดเพลินไปกับการชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งคือเมืองโอบาระครับ
    และเป็นสถานที่ที่รู้สึกประทับใจมากที่สุดในบรรดาสถานที่ที่ได้ไปเยือนมาในครั้งนี้ครับ ซากุระพันธุ์พิเศษที่เรียกว่าชิกิซากุระจะบานปีละสองครั้งในฤดูใบไม้ผลิ และตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว จะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นหากจังหวะดีก็จะสามารถชมทัศนียภาพสุดพิเศษที่ดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีบานสะพรั่งในเวลาเดียวกันได้ครับ!
    ดอกซากุระสีขาวและสีชมพูที่สามารถชื่นชมได้ในฤดูหนาวนั้น มีบรรยากาศที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากดอกซากุระที่สามารถเห็นในได้ฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นครับ ยิ่งมีใบไม้เปลี่ยนสีเป็นพื้นหลังแล้ว ทำให้ดอกซากุระสวยงามและโดดเด่นยิ่งขึ้นราวกับหิมะที่ตกลงมาบนใบไม้เปลี่ยนสีเลยค่ะ สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีและดอกซากุระซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของญี่ปุ่นที่สี่ฤดูกาลได้ในเวลาเดียวกันเป็นประสบการณ์ที่พิเศษสุดๆ เลยครับ! เป็นจุดถ่ายรูปที่เป็นประเด็นใน SNS และใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนตั้งแต่แรกแล้ว เลยรู้สึกดีใจมากที่ได้มาครับ เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วย "ความสุข" ที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงามครับ!
    หากมีโอกาสได้มาเที่ยว ลองวางแผนมาชมชิกิซากุระในฤดูใบไม้ร่วงดูนะครับ

  • นากะเซ็นโดมาโกเมะจุกุ

    ที่หมู่บ้านโบราณมาโกเมะจุกุบนถนนนากะเซ็นโดในจังหวัดกิฟุ มีทิวทัศน์เมืองเก่าที่สวยงามซึ่งยังคงบรรยากาศของเอโดะเอาไว้ ฟังเสียงน้ำและเสียงนกร้อง และเพลิดเพลินไปกับกับชมอาคารโบราณต่างๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากชีวิตประจำวันได้ครับ
    ทิวทัศน์ในวันที่อากาศแจ่มใสนั้นดูเหมือนภาพถ่ายเลยค่ะ และโชคดีที่วันที่ไปเที่ยวนั้นสภาพอากาศดีทำให้สามารถถ่ายรูปสวยๆ ได้ง่ายเลยครับ♪

    แนะนำให้ไปดื่มชาที่คาเฟ่ย้อนยุค และห้ามพลาดการช้อปปิ้งที่ร้านขายของที่ระลึกข้างถนนครับ!

    วันที่ 3
  • ซากปราสาทนาเอกิ

    เราเริ่มทริปวันที่สามจากซากปราสาทนาเอกิ ในอำเภอนาคัทสึกาวะ จังหวัดกิฟุ ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะจุดถ่ายรูปด้วยค่ะ กำแพงหินของปราสาทนาเอกิซึ่งว่ากันว่าหายากในญี่ปุ่นนั้น ใช้หินยักษ์ธรรมชาติที่ไม่ได้ทำการดัดแปลงอะไรเลยครับ จุดเด่นอย่างหนึ่งคือกำแพงหินทีมีวิธีการเรียงซ้อนแตกต่างกันตามยุคสมัยครับ
    ทิวทัศน์จากหอดูดาวบนหอคอยของปราสาทก็น่าประทับใจเช่นกันครับ สามารถเห็นทิวทัศน์ของเมืองและภูเขาอันงดงามมีอยู่ตรงหน้าแบบ 360 องศา มองไปตรงไหนก็สวยไปหมดเลยครับ
    เป็นสถานที่แนะนำสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทิวทัศน์ที่สวยงาม ถึงจะไม่ใช้คนที่ชื่นชอบปราสาทก็ตาม!

  • ทัวร์น้ำตกโอซากะ

    ถ้ามาที่อำเภอเกโระจังหวัดกิฟุแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมเยือนฮิดะโอซากะซึ่งมีน้ำตกมากกว่า 200 แห่ง น้ำตกหลายแห่งในหุบเขาแห่งนี้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟออนตาเกะ! น้ำตกแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นมีปริมาณน้ำมากทำให้ไหลแรงมาก หรือน้ำตกที่มีสองหรือสามขั้น และยังมีน้ำตกที่ไหลเป็นเส้นบางๆ ราวกับด้ายสีขาวที่สวยงามมากอีกด้วย!
    เนื่องจากมีเส้นทางทัวร์น้ำตกมากมายหลายแบบ ถ้ามีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายสามารถลองเส้นทางที่ยากเล็กน้อยได้ครับ แต่ก็สามารถเลือกเส้นทางง่ายๆ ได้สำหรับผู้ที่ต้องการสนุกแบบสบายๆ ครับ
    หลังจากที่ได้สัมผัสประสบการณ์แล้ว รู้สึกว่าไม่เหนื่อยอย่างที่คิดครับ เพราะนอกจากจะได้เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติของเมืองโอซากะแล้ว ยังได้ชื่นชมทิวทัศน์โดยรอบที่สวยงามระหว่างการเดินป่าด้วย และเสียงน้ำตกที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องนั้น เหมือนคอนแชร์โต้ที่บรรเลงโดยธรรมชาติเลยค่ะ! มาสูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ และพักเหนื่อยจากการท่องเที่ยวด้วยการทัวร์น้ำตกกันครับ!

  • พักแรมที่เกโระออนเซ็น

    เกโระออนเซ็นที่มีแม่น้ำฮิดะเป็นใจกลางนั้น ผสมผสานความมีชีวิตชีวาของเมืองออนเซ็นและบรรยากาศของหมู่บ้านบนภูเขาให้เข้ากันอย่างลงตัว นักท่องเที่ยวจำนวนมากจากประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศมาเยี่ยมชมออนเซ็นที่นี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น ซึ่งรักษาคุณภาพดีเยี่ยมมาเป็นเวลานาน
    ในวันนี้เราพักที่ “ซุยเมคัง” เรียวคังหรูหราที่มีห้องอาบน้ำรวมขนาดใหญ่ถึง 3 แห่ง ได้ยินมาว่าสามารถแช่น้ำร้อนไปพร้อมกับชื่นชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามด้วย ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นอีกครับ!

    ในครั้งนี้เราพักในห้องเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่น ดื่มชาญี่ปุ่นสบายๆ พร้อมกับใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจค่ะ ขอแนะนำคอร์สที่มีอาหารญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วยครับ เพราะนอกจากจะได้เพลิดเพลินไปกับเนื้อวัวฮิดะชั้นดีแล้ว ยังมีเมนูต่างๆ ที่ใช้วัตถุดิบจากจังหวัดกิฟุด้วยค่ะ

    วันที่ 4
  • ทัวร์กุโจฮาจิมังด้วยจักรยานไฟฟ้า

    ในวันที่ 4 เราไปเดินเล่นในเมืองกุโจฮาจิมัง
    ทิวทัศน์ของเมืองกุโจฮาจิมังในอำเภอกุโจ จังหวัดกิฟุนั้นชวนให้นึกถึงยุคสมัยนักรบซามุไรครับ ถนนและบ้านของผู้คนในสมัยเอโดะยังคงถูกรักษาสภาพเดิมไว้ ให้บรรยากาศราวกับว่าคุณอยู่ในโลกของละครย้อนยุคเลยครับ เนื่องจากเมืองนี้เจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองปราสาท ทำให้มีบ้านจำนวนมากเรียงรายกันอยู่และมีซอยๆ เล็กๆ มากมาย แนะนำให้ใช้จักรยานไฟฟ้าที่สะดวกในการเข้าซอยเล็กๆ ได้ในการเที่ยวครับ

    หากเข้าร่วมทัวร์นี้แล้ว ไม่เพียงแต่จะได้ชมเห็นทิวทัศน์ของเมืองเท่านั้น แต่ยังได้แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ปราสาทกุโจฮาจิมัง ซึ่งเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่จำลองขึ้นใหม่ด้วยไม้ครับ
    นอกจากนี้ หากต้องการลองชุดกิโมโนแล้วละก็เราขอแนะนำให้เดินเที่ยวชมรอบๆ ครับ! ความฝันที่จะสวมชุดกิโมโน และเดินเล่นรอบปราสาทและถนนสายประวัติศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่อยากลองสักครั้งเมื่อได้มาเที่ยวญี่ปุ่นครับ ซึ่งกุโจฮาจิมังเป็นสถานที่ที่จะทำให้ความฝันนั้นเป็นจริงได้ครับ
    อย่าลืมถ่ายรูปเอากุโจฮาจิมังเป็นพื้นหลังและโพสต์ลง SNS กันนะครับ

    นอกจากนี้ กุโจฮาจิมังยังมีชื่อเสียงในเรื่อง "กุโจโอโดริ" กุโจโอโดริ เป็นงานเทศกาลในฤดูร้อนของกุโจฮาจิมัง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี และเป็นหนึ่งในสามเทศกาลบงโอโดริที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และยังถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมพื้นบ้านที่จับต้องไม่ได้ที่สำคัญแห่งชาติด้วยครับ เป็นเทศกาลในฤดูร้อนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของภูมิภาคนี้ ซึ่งทั้งผู้ชายและผู้หญิงทุกวัยจะเต้นรำกันจนถึงรุ่งสางเลยครับ

  • สระน้ำนิรนาม (สระน้ำของโมเนต์) งดงามราวกับภาพวาด

    "สระน้ำนิรนาม" ในเมืองเซกิ จังหวัดกิฟุ ดอกบัวสวยงามที่บานสะพรั่งในน้ำใส และปลาคาร์พนิชิกิที่แหวกว่ายอย่างสง่างามในสระนั้นดูเหมือนดั่งผลงานชิ้นเอกของโมเนต์ "ดอกบัว" หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "สระน้ำของโมเนต์"
    เมื่อได้ไปเห็นของจริงแล้ว จะรู้สึกทึ่งใจไปกับปลาคาร์พนิชิกิสีแดงสดและสีขาวแหวกว่ายอยู่ในสระมรกตสีเขียวอย่างมากครับ!
    ซึ่งที่นี่เป็นจุดที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ควรพลาดครับ!

  • เดินเล่นรอบเมืองอุดัตสึ และเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของกระดาษญี่ปุ่นมิโนะวาชิ

    "ทิวทัศน์เมืองของอุดัตสึ" ที่อำเภอมิโนะ จังหวัดกิฟุ ถูกกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์อาคารโบราณที่สำคัญ ลักษณะเด่นของทิวทัศน์ของเมืองนี้คือกำแพงที่เรียกว่า "อุดัตสึ" ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไฟไหม้ โดยยกปลายทั้งสองของหลังคาให้สูงขึ้นด้วยผนังปูนและกระเบื้องมุงหลังคา เนื่องจากมีเพียงครอบครัวที่ร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถสร้างอุดัตสึได้ จะเกิดคำว่า "ยกอุดัตสึขึ้น (คำแปล: ยกระดับชีวิตและสถานะ)" ในภาษาญี่ปุ่นครับ และยังแนะนำให้เดินเล่นเปรียบเทียบความแตกต่างของอาคารต่างๆ ที่เรียงรายอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกันไปด้วยครับ

    นอกจากนี้ ที่อำเภอมิโนะซึ่งเป็นที่ตั้งของทิวทัศน์เมืองของอุดัตสึนั้น ยังเป็นบ้านเกิดของ "กระดาษญี่ปุ่นมิโนะวาชิ" ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะโคมไฟกระดาษญี่ปุ่นมิโนะวาชิ (Mino Washi Lantern Art Gallery) นั้น สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับกระดาษญี่ปุ่นมิโนะวาชิซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1300 ปี และมียังสามารถชื่นชมการจัดแสดงผลงานโดยศิลปินมือสมัครเล่นและมืออาชีพ กว่า 500 ถึง 600 ชิ้นที่ทำจากกระดาษญี่ปุ่นมิโนะวาชิ ถึงแม้กระดาษญี่ปุ่นมิโนะวาชินั้นเป็นเทคนิคดั้งเดิมของภูมิภาคนี้ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เมื่อได้ชมผลงานศิลปะที่มีการออกแบบที่ทันสมัยแล้วจะทำให้ดูแปลกตาไปอีกแบบเลยครับ! หลังจากที่ได้ชมผลงานเหล่านี้แล้วรู้สึกได้ถึงความเป็นญี่ปุ่น ที่นำเอาเทคนิคดั้งเดิมมาประยุคต์ใช้กับสิ่งของที่ทันสมัยในปัจจุบันโดยที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมไว้ด้วย หากมีโอกาสได้มาเยี่ยมชมอำเภอมิโนะแล้ว อย่าลืมมาสัมผัสโลกอันน่าอัศจรรย์ของแสงและกระดาษญี่ปุ่นดูนะครับ

  • เดินทางกลับบ้านจากสนามบินนานาชาติชูบุ

    จุดสิ้นสุดของการเดินทางในครั้งนี้คือสนามบินนานาชาติชูบุเซนแทรร์ ภายในสนามบินมีโซนร้านอาหารที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติของอาหารท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของนาโกย่า และยังมีเครื่องบินโบอิ้ง 787 ของจริงที่จัดแสดงไว้ด้วย นอกจากจะสามารถสนุกสนานไปกับการช้อปปิ้งสินค้าของโบอิ้งและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ Flight of Dreams คุณยังสามารถชมทิวทัศน์ของสนามบินจากหอสังเกตการณ์ได้อีกด้วย เครื่องบินโดยสารของจริงที่ดูจากด้านหน้านั้นดูมีพลังมากครับ! นอกจากนี้ยังมีร้านค้าปลอดภาษีที่ขายเหล้าสาเกที่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย อย่าลืมแวะก่อนขึ้นเครื่องนะครับ

to top